ผู้เขียน หัวข้อ: กรณี มีลูกยาก เกิดปัญหาการตั้งท้องไม่สำเร็จหลายหน  (อ่าน 277 ครั้ง)

ออฟไลน์ anonchobpost

  • Full LED TV member
  • ****
  • กระทู้: 2,867
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
ได้ทราบอาจจะมีบ้างคน มีลูกยาก พบปัญหาการตั้งครรภ์การตั้งท้อง(Pregnancy) คือภาวะที่เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างไข่และอสุจิแล้วได้ตัวอ่อนขึ้นมาในการตั้งครรภ์ปกติตัวอ่อนจะไปฝังอยู่ที่เยื่อบุโพรงมดลูกและตัวอ่อนที่มีเพียงเซลล์เดียว จะแบ่งตัวและพัฒนาเป็นอวัยวะต่างๆจนเติบโตเป็นทารกซึ่งผู้หญิงโดยทั่วไปที่มีประจำเดือนปกติและมาสม่ำเสมอทุกทุก 28-30 วันจะมีอายุครรภ์ประมาณ 70 สัปดาห์หรือประมาณ 280 วันนับจากวันแรกของการมีเมนส์ครั้งล่าสุด
อาการ ของการตั้งครรภ์
เมื่อเข้าสู่ภาวการณ์ตั้งครรภ์ในช่วง 1-3 สัปดาห์แรกนั้น อาการจะยังไม่แสดงออกมาแน่ชัดแต่จะเริ่มมีอาการให้เห็นในช่วงสัปดาห์ที่ 4 ดังนี้
1 ประจำเดือนหรือระดูขาด สำหรับผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์คืออายุจาก 15 ถึง 49 ปีโดยปกติแล้วจะมีประจำเดือนมาปกติธรรมดาและมาใกล้เคียงกันทุกเดือนแต่หากว่าประจำเดือนขาดหายไปนานเกิน 10 วันก็อาจคาดคะเนเบื้องต้นได้ว่าอาจเกิดการตั้งครรภ์ สาเหตุที่ประจำเดือนขาดในช่วงการตั้งครรภ์นั้นเป็นเพราะว่าเมื่อเข้าสู่ภาวะการตั้งครรภ์แล้วนั้นร่างกายของเราจะผลิตฮอร์โมนที่ต้องการต่อการตั้งครรภ์ที่เรียกว่าฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนเป็นจำนวนมากและฮอร์โมนเหล่านี้ก็จะไปทำหน้าที่ในการหยุดการมีประจำเดือนและช่วยให้มีครรภ์ที่สุขภาพสมบูรณ์แต่ก็ใช่ว่าภาวะขาดประจำเดือนจะมีสาเหตุมาจากการตั้งครรภ์เพียงอย่างเดียวบางคราวอาจจะเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนหรือการเปลี่ยนแปลงอื่นๆในร่างกายเช่นผู้หญิงที่พึ่งมีประจำเดือน,หญิงวัยกำลังหมดประจำเดือน,หรือความเคร่งเครียดมากเกินไปจนทำให้ไข่ไม่ตกหรือโรคบางชนิดจะมีผลต่อการขาดประจำเดือนด้วยเช่นกันเช่นโรคของระบบต่อมไร้ท่อ เช่นเบาหวาน โรคเกี่ยวกับรังไข่
2 ฉี่บ่อย ระดับฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุที่เลือดไหลเวียนไปที่มดลูกและทำให้เยื่อบุผนังมดลูกหนาขึ้นเพื่อปกป้องและเอื้อต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ยิ่งไปกว่านี้ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนยังทำให้ไตขยายตัวขึ้นประมาณ 1.5 cm และทำให้มดลูกและกระเพาะปัสสาวะขยายตัวออกเป็นเหตุทำให้เกิดความรู้สึกแน่นและทำให้อยากปัสสาวะถี่ขึ้นนั่นเอง
3ความต้องการทางเพศมีการเปลี่ยนแปลง การตั้งครรภ์ในเดือนแรกก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนรวมถึงสภาวะอารมณ์ คุณแม่บางรายจะเกิดความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้นหรือบางคนอาจจะน้อยลงซึ่งอาการเหล่านี้จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2
4 เจ็บเต้านม ผู้หญิงส่วนใหญ่เวลาใกล้จะมีประจำเดือนจะมีอาการคัดตึงเต้านมนิดหน่อยแต่ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะมีอาการคัดตึงมากกว่าและนานกว่า เพราะว่าร่างกาย กำลังเตรียมผลิตน้ำนมให้ลูก(บางรายอาจเจ็บเต้านมและหัวนมด้วยแต่ว่าอาการดังกล่าวจะหายไปเองภายหลังจากตั้งครรภ์แล้วประมาณ 3 เดือน)เมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์เพิ่ม เต้านมก็จะยิ่งตึงมากขึ้นหัวนมจะมีสีคล้ำและใหญ่ขึ้นบริเวณลานหัวนมจะกว้างขึ้น
5 คลื่นไส้อาเจียน ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ส่วนมากจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนวิงเวียนศีรษะบางท่านก็หน้ามืดเป็นลมอาการเหล่านี้เองที่เรียกว่า"อาการแพ้ท้อง"จะเป็นในตอนการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6-12 สัปดาห์แต่บางรายก็อาจจะเป็นจนสัปดาห์ที่ 16 ถึง 20 (สัปดาห์เดือนที่ 4-5) และจะมีน้อยรายมากที่จะแพ้ท้องไปจนถึงตอนคลอด สาเหตุเป็นเพราะว่าฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นจากการตั้งครรภ์นั้นไปรบกวนระบบทางเดินอาหารทำให้เกิดการคลื่นไส้หรือพะอืดพะอมและอาเจียนออกมาสำหรับบางคนที่เป็นมากนั้นแพทย์อาจจะต้องให้น้ำเกลือเพื่อเป็นการชดเชย
ส่วนลักษณะอาการแพ้ท้องอื่นๆเช่น
- วิงเวียนศีรษะหรือเป็นลมเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลงหรือความดันโลหิตลดลงก็ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืดวิงเวียนศีรษะได้ คุณแม่ควรรับประทานอาหาร และดื่มน้ำให้เพียงพอก็จะช่วยป้องกันอาการเหล่านี้ได้
-จมูกไวต่อกลิ่นหรือที่เรียกว่าSuper Smell เป็นอาการที่จมูกจะไวต่อกลิ่นทุกชนิดมากขึ้น
-ความอยากอาหารเปลี่ยนแปลงไปเพราะระดับฮอร์โมนที่เพิ่มปริมาณจะทำให้การรับรู้รสชาติของคุณแม่เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้รู้สึกว่ากินอะไรก็ไม่อร่อยและอาจจะอยากกินของแปลกๆเช่นของเปรี้ยวๆ
6 ความเมื่อยล้าและมีอาการอ่อนเพลียคุณแม่จะมีแรงน้อยลงและรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นและอยากนอนตลอดเวลาเพราะว่าฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนที่มากขึ้นส่งผลทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายคลายตัวเปรียบเสมือนยากล่อมประสาท และพลังงานเหล่านี้ยังช่วยพัฒนาทารกในครรภ์อีกด้วย
7อารมณ์แปรปรวนเป็นผลมาจากฮอร์โมนในร่างกายที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้คุณแม่มีอารมณ์อ่อนไหวแปรปรวน หงุดหงิดง่าย
8 ปวดเกร็งในช่องท้อง ถ้าคุณแม่รู้สึกปวดแบบหน่วงๆก็อาจจะเป็นเพราะการยืดขยายของมดลูกเพื่อให้พร้อมสำหรับการมีลูกนั้นเอง
แต่ถ้าหากเราอยากรู้ว่าตั้งครรภ์หรือไม่ก็อาจจะใช้วิธีใช้ที่ตรวจปัสสาวะหรือวิธีการเจาะเลือดหรือไปพบคุณหมอจะเที่ยงตรงที่สุดค่ะ ถ้ารู้สาเหตุแล้วเราก็จะสามารถแก้ไขปัญหาหรือ ตอบคำถามที่ว่า มีลูกยาก[/b]][url=http://www.babyinorder.com/]มีลูกยากทำไง[/u][/b]ดี[/url] ได้อย่างถูกต้องและตรงจุดมากกว่า

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.babyinorder.com/

Tags : มีลูกยากทำไงดี