ผู้เขียน หัวข้อ: ขายดีเยี่ยมเป็นกระแสในการช่วยเหลือผิวของคุณให้มีผิวขาวงามปรับสภาพผิวของคุณแบบมืออาชืพ  (อ่าน 165 ครั้ง)

ออฟไลน์ anonchobpost

  • Full LED TV member
  • ****
  • กระทู้: 2,867
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
ครีม v2 มอยส์เจอร์ไรเซอร์ มีความจำเป็นในการรักษาความชื้นให้ผิว แม้ว่าผิวมนุษย์เราจะผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้เองแม้ว่าในเวลานี้มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณเยอะแยะกมายที่มีส่วนประกอบไม่เป็นมิตรกับผิว มีฤทธิ์ระคายทำให้ผิวอ่อนแอแล้วก็ผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้ลดน้อยลง การบำรุงผิวโดยพิจารณาถึงองค์ประกอบของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็เลยมีความจำเป็นเช่นกัน บางคนหน้ามันแล้วกลัวว่าหากว่าใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์จะมีผลให้ผิวยิ่งมันครีม v2เป็นความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกนัก เนื่องจากว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์มีหลายประเภทสามารถเลือกใช้ให้ตรงกับภาวการณ์ผิวได้

ต้องการมีผิวสวย โปรดอ่านนี้ก่อน

หนังกำพร้าสุด (stratum corneum หรือชั้นคราบไคล) เป็นชั้นที่เราดูเห็นด้วยสายตา ในสายตาคนที่อยู่รอบข้างหรือตอนพวกเราส่งกระจก ผิวเราจะมองดูแห้ง ขาดเลือดฝาด ไม่สดชื่นหรืองาม สังกัดความสมบูรณ์ของชั้นนี้เป็นหลัก อยากให้ผิวมองงามในสายตาผู้ชม ก็ต้องมารีบทำให้ผิวชั้นไคลบริบูรณ์กันจ้ะ

ศัพท์ที่จะเจอในเนื้อหานี้

Epidermis : หนังกำพร้าสุด ภาษาไทยเรียกว่าชั้นหนังกำพร้ามี 5 ชั้นย่อย
stratum corneum : ชั้นไคล เป็นชั้นย่อยชั้นนอกสุดชองชั้นหนังกำพร้า
Corneocyte : เซลล์ในชั้นไคล มีการเรียงหน้าเป็นชั้นๆโดยประมาณ 25-30 ชั้น บางแบบเรียนเรียก Corneocyte ว่าhorny cell
Brick and Motar Model : แบบจำลองการเรียงหน้าเป็นชั้นๆของเซลล์ Corneocyte
Keratinocyte : เป็นคำรวมๆที่ใช้เรียกเซลล์ผิวทั้งปวงของชั้นepidermis ด้วยเหตุว่าเซลล์ผิวในชั้นหนังกำพร้าจะมี keratinเป็นส่วนประกอบข้างใน ทำให้ทุกเซลล์ในชั้น Epidermis ขึ้นชื่อว่าเป็น keratinocyte ทั้งหมด
NMFs : ย่อมาจาก Natural moisturizing factors เป็นสารประกอบหนึ่งที่อยู่ภายในเซลล์ Corneocyteทำหน้าที่เก็บน้ำแล้วหลังจากนั้นก็รักษาความชื้นให้ผิวหนัง ภาษาไทยเรียก NMFsว่า "น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ"
Intercellular lipids : ชั้นไขมันกันระหว่างเซลล์Corneocyteปฏิบัติภารกิจปกป้องไม่ให้ NMFs ภายในเซลล์ Corneocyte รั่วออกมาด้านนอก บางตำราเรียนเรียกIntercellularlipids ว่า intercellular matrix หรือ Lipidbarrier
Sebaceous gland : ต่อมไขมันที่ปฏิบัติหน้าที่ผลิตน้ำมัน(sebum) มาฉาบผิว
TEWL : ย่อมาจาก Transepidermal Water Loss คือการสูญเสียน้ำผิวผ่านชั้น Epidermis ยิ่ง TEWL มีค่าสูงหมายความว่ายิ่งมีการสูญเสียน้ำเยอะแยะ

องค์ประกอบผิวหนังชั้นคราบไคล (stratumcorneum)
ชั้น stratum corneum มีการเรียงตัวของเซลล์corneocyte อย่างเรียบร้อยเป็นชั้นๆราวๆ25-30 ชั้น โดยมีintercellular lipidsเป็นตัวผสานล้อม หนังสือเรียนฝรั่งได้เรียกการเรียงตัวแบบนี้ว่าBrick and Motar Model ภาพการเรียงหน้าของก้อนอิฐที่ก่อด้วยปูน Brick and Motar Model
Brickหมายความว่าอิฐ Motarแปลว่าปูนภาพจำลองการจัดเรียงตัวของเซลล์ corneocyte เป็นชั้นๆโดยมีintercellularlipids เป็นตัวผสานซึ่งมีลักษณะเสมือนการเรียงหน้าของอิฐที่ก่อด้วยปูนก็เลยถูกเรียกว่า Brick and Motar Model อิฐแต่ละก้อน เทียบได้กับเซลล์ corneocyte

ภายในเซลล์ corneocyte มี NMFs ครีม v2ปฏิบัติหน้าที่รักษาระดับน้ำภายในเซลล์
NMFs ที่สำคัญๆเป็นAmino acids, PCA รวมทั้งน้ำตาลGlucose
NMFs เป็นสารที่เซลล์ชั้นหนังกำพร้าสามารถสร้างขึ้นได้เองในระหว่างที่มีการเติบโตเป็นเซลล์เต็มวัย (keratinocytedifferentiation)
แม้มีสาเหตุใดไปก่อกวนการเติบโตของเซลล์keratinocyteก็จะมีผลให้ NMFs ถูกทำน้อยลง รวมทั้งมีผลถึงความชุ่มชื้นของชั้น stratumcorneum

ปูนผสาน เปรียบเทียบได้กับIntercellular lipids
เป็นตัวยึดเหนี่ยวเซลล์ ให้เรียงกันอย่างแน่นหนาและเป็นระเบียบ
Intercellular lipids ประกอบไปด้วยสารชนิดไขมันตัวอย่างเช่น ceramides 47 %, cholesterol 24%, freefatty acids 11 % และ cholesterol esters 18 %

ผิวสวยเริ่มความสมบูรณ์ของชั้น stratum corneum
อยากได้ให้ผิวมองดูสวย ควรหันมาดูแลผิวชั้น stratumcorneum ให้บริบูรณ์โดยการรักษาระดับ NMFs และintercellular lipids ให้บริบูรณ์เยอะที่สุด
การที่ระดับความชื้นในผิวพอเพียงจะช่วยทำให้

เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่นดี ถูกรังควานได้ยาก
เสริมรูปแบบการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยในแนวทางการผลัดเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ถ้าหากผิวขาดความชุ่มชื้นที่เหมาะเหม็งเอนไซม์กลุ่มนี้จะดำเนินการไม่ดีการผลัดเซลล์ผิวก็เลยรวน ผิวหน้าหมองคล้ำ ฝ้ากระ สะสม รูขุมขนตัน เป็นสิว
เกื้อหนุนจุนเจือให้ส่วนประกอบมีความแข็งแรงและทำหน้าที่กรองสารที่จะผ่านเข้าออกผิวดีขึ้นและบริบูรณ์ หากผิวขาดความชื้นที่เหมาะสมเซลล์ corneocyte จะลีบแบน การเรียงตัวไม่เรียบร้อยเกิดช่องโหว่ น้ำใต้ผิวระเหยออกง่าย สิ่งเจือปนจากด้านนอกผ่านเข้าไปได้ง่าย ทำให้ผิวหนังอักเสบ มีการติดโรค ฯลฯ
รักษาระดับ pH ของผิว : ผิวที่มี pH ผิวเหมาะสม จะช่วยทำให้ปรับNMFs ถูกสร้างเจริญรุ่งเรือง
สิวขึ้นลดน้อยลง : ผิวที่ขาดความชื้น ทำให้เซลล์ผิวเรียงตัวไร้ระเบียบครีม v2 มีการหลุดลอกไม่ปกติและไปตันตามรูขุมขนเมื่อรวมกับน้ำมันที่ระบายออกไม่ได้ ก็เลยมีการตันเป็นสิวตันสิวอักเสบ เมือผิวชื้นแฉะ การผลัดเซลล์กลับมาธรรมดา การอุดตันกำเนิดต่ำลง สิวต่ำลง
รูขุมขนกระชับ : ผิวที่เปียกแฉะเหมาะสม เซลล์ corneocyteจะมีความอ้วนอิ่มและก็ขยายตัวแทรกกัน ทำให้รูขุมขนซึ่งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมของเซลล์ corneocyte ถูกบีบอัดให้แคบลงผิวก็เลยมองดูละเอียดขึ้น ด้วยเหตุนั้นในคนที่ผิวแห้งมากมายก่ายกองๆเว้นเสียแต่ผิวจะมองดูหยาบคายแล้ว รูขุมขนก็จะกว้างขึ้นด้วย อ่านเพิ่มอีกเกี่ยวกับที่บทความเรื่อง ตาข่ายผิวภาพเทียบเคียงผิวหนังธรรมดารวมทั้งผิวหนังที่แห้งผิวปกติ :เซลล์เรียงหน้าชิดกัน เรียบร้อย
inter cellular matrix บริบูรณ์
เหนือผิวด้านบนมีน้ำมัน (hydro lipid film) ฉาบอยู่พอเพียง
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้น้อยผิวแห้ง การเรียงตัวของเซลล์ผิวสะเพร่า ไม่มีระเบียบ
intercllular matrix มีน้อย/ไม่มีคุณภาพ
น้ำมันฉาบผิว (hydro lipid film) น้อย
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้มาก (TEWL สูง)บักเตรี สิ่งแปลกปลอมไปสู่ผิวได้ง่าย ผิวก็เลยเคืองและอักเสบง่ายผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้นเสมอเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง?
ผิวแห้งแล้วก็ผิวขาดความชื้นคล้ายคลึงกันแต่แตกต่างกันคำว่าผิวแห้งเป็นคำใช้แยกภาวะผิวที่ประจำตัวมา ดังเช่นว่า คนนี้ผิวมัน คนนี้ผิวผสม คนนี้ผิวแห้ง ซึ่งใช้จำนวนน้ำมันที่สร้างขึ้นมาจากต่อมไขมันเป็นตัวจัดชนิดและประเภท


ผิวแห้ง(dry skin)หมายถึงผิวที่ขาดน้ำมัน (sebum)ฉาบผิวข้างบนด้วยเหตุว่ามีต่อมน้ำมัน ( sebaceous gland) ใต้ผิวน้อย ก็เลยผลิตน้ำมันได้น้อย เมื่อปริมาณน้ำมันฉาบผิวน้อยก็เลยสูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย โดยเหตุนี้คนที่ผิวแห้งยังคงมีความสมบูรณ์ของ intercllular matrix รวมทั้งมีน้ำใต้ผิวที่พอเพียง ก็แค่ขาดน้ำมันที่ผิว
ผิวมัน (oily skin)หมายถึงผิวที่มีต่อมไขมันมากมายก่ายกองทั่วทั้งหน้าและผลิตน้ำมันมาฉาบผิวได้มาก ผิวภายนอกก็เลยมองดูมัน การสูญเสียน้ำใต้ผิวก็เลยเกิดขึ้นน้อย
ผิวผสม (mix skin)เป็นผิวที่มีต่อมไขมันรอบๆt-zoneมาก, u-zone น้อยทำให้หน้ามันเฉพาะรอบๆt-zoneส่วน u-zone ธรรมดาหรือแห้ง

ส่วน ผิวขาดความชุ่มชื้น (dehydrated skin) เป็นผิวที่มีน้ำใต้ผิวต่ำ วัดน้ำใต้ผิวได้ < 10% เหตุอาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายใน

1.ปัจจัยภายนอก

การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์มากเกินความจำเป็น : ทำให้หนังกำพร้ามีการหมุนเวียนเร็วกว่าปกติ ผิวหนังที่มีการหมุนเวียนเร็วจะไม่สามารถสร้าง NMFsรวมทั้ง intercellular lipids ได้ทัน ก็เลยเสียความรู้ความเข้าใจในการดูแลรักษาน้ำให้ดำรงอยู่ในผิวหนัง
การใช้ผลิตภัณฑ์ชำระล้างที่มีคุณลักษณะกำจัดน้ำมันฉาบผิวมากเกินความจำเป็นครีม v2 : น้ำมันฉาบผิวน้อย สูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย
รังสี UV : ได้รับรังสี UV เยอะมากๆต่อเนื่องกัน ไม่ทาโลชั่นสำหรับกันแดด รังสี UV จะรบกวนการสร้าง NMFs
ความชุ่มชื้นในอากาศ : ความชื้นกลางอากาศต่ำลงยิ่งกว่า10% จะดึงน้ำในผิวออกสู่ด้านนอก โดยเหตุนี้ในห้องปรับอากาศในหน้าหนาว ซึ่งมีความชุ่มชื้นต่ำ สามารถพรากน้ำใต้ผิวได้ตลอดเวลา

2. ปัจจัยภายใน

อายุ : อายุทีเยอะขึ้นเรื่อยๆ การผลิต NMFs และก็ sebum ลดน้อยลง
เชื้อชาติ : ชาวเอเชีย มีจำนวน NMFs ต่ำลงมากยิ่งกว่าเชื้อชาติอื่น
โรคผิวหนัง: โรคผื่นแพ้กรรมพันธุ์ (atopicdermatitis) โรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) โรคเด็กดักแด้(Ichthyosis) โรคเหล่านี้จะมีการแบ่งตัวของkeratinocyte (keratinization) เร็วกว่าปกติหลายเท่า และก็ขับมาที่เปลือกนอกอย่างเร็วอาทิเช่น 4 วัน (ธรรมดาใช้เวลา 28วัน) ทำให้ผิวหนังดกเป็นปื้นในขณะขั้นตอนสร้าง NMFs , intercellular lipids ยังเกิดขึ้นไม่สมบูรณ์ เซลล์ผิวหนังก็เลยขาดแรงยึดเหนี่ยวกันตามธรรมดา เซลล์ผิวก็เลยหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆได้ง่าย เหมือนเป็นสะเก็ดหรือเกล็ดขึ้นกับความร้ายแรง

รูปแบบของผิวหนังที่ขาดความชื้น(dehydrated skin)
- ผิวไม่เรียบ มีขุยไหมมีขุยก็ได้ แต่ว่าถ้าเกิดมีขุยเป็นอาการหนักทาแป้งไม่ติด (หน้ามันมากมายก่ายกอง ทาแป้งไม่ติด หน้าแห้งไปก็ทาแป้งไม่ติดเช่นกัน)ครีม v2
- แลเห็น fine line ชัด (ริ้วเล็ก) โดยเฉพาะอย่างยิ่งใต้ตา มุมปาก
- ผิวแดงง่าย สีผิวไม่บ่อยนัก
- คันแล้วหลังจากนั้นก็กำเนิดผิวหนังอักสบ
- ระคายง่าย แพ้ง่ายครีม v2
การรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ก็เลยจึงควรทำทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นเข้าไปก่อน ด้วยการดื่มน้ำให้พอเพียง รวมทั้งเลือกใช้มอยพบร์ไรเซอร์ประเภท humectant
ขัดขวางความชื้นไม่ให้ระเหยออก ด้วยการใช้มอยพบร์ไรเซอร์ประเภทocclusive
เพิ่มความรู้ความเข้าใจในการเก็บกักน้ำใต้ผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีองค์ประกอบใกล้เคียงกับ NMFs รวมทั้ง Intercellular lipids
เลือกมอยพบร์ไรเซอร์เป็น ช่วยอะไรบ้าง?Repairingtheskin barrier : สร้างเสริมเกราะคุ้มครองผิว ผิวแข็งแรงขึ้นเคืองน้อยลง ไม่แพ้ง่าย
Increasing water content : เพิมจำนวนน้ำใต้ผิว
Reducing TEWL : ลดการสูญเสียน้ำผ่านออกทางผิวหนังชั้นอีพิเดอร์มิส
Restoring the lipid barriers' ability to attract, holdandredistribute water : ซ่อม intercellular lipidsให้สามารถเก็บกักน้ำและรักษาสมดุลน้ำใต้ผิว
สารช่วยเพิ่มความชื้น (มอยส์เจอร์ไรเซอร์) แบ่งออกได้เป็น 2ประเภทเป็น

1. สารช่วยเพิ่มน้ำในชั้นผิวหนัง (Humectant) สารกลุ่มนี้มีคุณสมบัติในการจับกับน้ำ (water binding)เช่น colloidaloatmeal, Amino acid,Hyaluronic Acid, Sodium PCA, glycerin, น้ำผึ้ง, กรดแลคติค (lactic acid), soduimlactate, propylene glycol,sorbitol, pyrolidonecarboxylic acid (PCA) , gelatin,collagen , lastin,urea

ทั้ง Sodium-PCA และhyaluronic acid (HA) จัดเป็นสารประเภทglycosaminoglycans ในธรรมชาติสารนี้พบแทรกสอดในชั้นหนังแท้ ขึ้นรถ HA จะซับน้ำได้ 1000 เท่า ก็เลยทำให้ผิวหนังเด็กเต่งตึง แต่เมื่อวัยสูงมากขึ้นสาร HA ในชั้นหนังแท้จะต่ำลงทั้งความสามารถและก็จำนวน ผิวหนังก็เลยเหี่ยวย่น ในครีมหรือโลชันผิวแห้งก็เลยนิยมผสมสาร HA ครีมv2เพื่อช่วยซับน้ำในผิวหนังชั้นไคลเพราะสารในกลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มน้ำให้กับผิวได้โดยตรง ทำให้ผิวเรียบนุ่มชื้นแฉะโดยไม่เพิ่มความมันมอยส์เจอร์ไรเซอร์กรุ๊ป Humectant ก็เลยเหมาะสมกับผิวมัน ผิวแห้ง แล้วหลังจากนั้นก็ผิวแพ้ง่าย

2. สารเพื่อคุ้มครองปกป้องการระเหยของน้ำจากผิว (occlusivemoisturizers)ผลิตภัณฑ์ผิวแห้งจะผสมน้ำมันหลายแบบ เมื่อทาน้ำมันฉาบผิวการระเหยของน้ำจากชั้นผิวหนังจะต่ำลงน้ำมันที่ใช้มีหลายกลุ่ม เป็น




คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ครีม V2 ดีไหม

ขอบคุณบทความจาก : https://sites.google.com/site/v2centerthailand/

Tags : ครีม v2,ครีมวีทู