ผู้เขียน หัวข้อ: สารออกฤทธิ์ในดีปลีและงานวิจัยที่น่าทึ่ง  (อ่าน 2777 ครั้ง)

ออฟไลน์ parple1199

  • Flat TV member
  • *
  • กระทู้: 45
  • ?????????????????????
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์

งานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับดีปลี

  • คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการ ศึกษาผลดีปลี พบว่า สาร piperlonguminine ในผลสดของดีปลี สามารถต้านการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานินในผิวหนังได้ และยังพบว่า สารสกัดจากผลดีปลี สามารถออกฤทธิ์ลดอาการระคายเคืองของเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคกระเพาะอาหารได้
  • ในประเทศอินเดีย มีรายงานว่ามีการใช้ดีปลีในการนำมาปรุงอาหาร เพราะดีปลีมี ชนิดช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และยังแนะนำว่า ผลดีปลีแห้งควรนำมาใช้ทันที และไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 1 ปี เพราะหากเก็บไว้นานกว่านี้ คุณสมบัติ และฤทธิ์ทางยาจะน้อยลง
  • จากการ วิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าดีปลีมีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์ของเซลล์ได้ จึงนิยมใช้ผลดีปลีเป็นส่วนประกอบของยาต้านเซลล์มะเร็ง และ รักษาโรคมะเร็ง
  • การ ทดลองสารสกัดจากผลดีปลี พบสารหลาย ประเภท และนำสารต่างๆมาทดสอบฤทธิ์ในการฆ่าแมลง พบว่า guineensine และ piperine สามารถฆ่าหนอนกระทู้ผักได้

การศึกษาทางพิษวิทยาของดีปลี

  • มีการ ศึกษาพิษเฉียบพลัน (acute toxicity test) ในหนูถีบจักรโดยใช้สารสกัดอัลกอฮอล์ (50%) จากสมุนไพรไทยชนิดต่างๆ กรอกเข้าทางปากหรือฉีดเข้าใต้ผิวหนัง แล้วดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสัตว์ วิจัยในระยะ 3 ชม.แรกอย่างใกล้ชิด ต่อจากนั้นคือ ในระยะ 12, 24 และ 72 ชม. หลังให้สารสกัดจะทำการตรวจสอบจำนวนสัตว์ทดลองที่ตาย เนื่องจากพิษของสารสกัดซึ่งในการ วิจัยนี้มีการ ทดสอบสารสกัดจากดอกดีปลี พบว่า สารสกัดขนาด 10 ก./ กิโลกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับ 250 เท่าของขนาด รักษาในคน พบว่าสารสกัดขนาดดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดพิษในหนูถีบจักร
  • การ ทดสอบฉีดสารสกัดเอทานอล (90%) จากผลแห้งเข้าทางช่องท้องหนูถีบจักร พบว่า LD50 เท่ากับ 500 มก./กก.
  • การ ทดสอบให้สารสกัดเอทานอล (95%) จากผลแห้งทางกระเพาะอาหารหนูถีบจักร พบว่า LD50 เท่ากับ 87.4 ก./กก.
ข้อแนะนำ / ข้อควรระวังของดีปลี

  • ไม่ควร บริโภคดีปลีใน จำนวนที่มากเกินไป เพราะอาจจะทำให้กระเพาะอักเสบ แสบทวารเวลาขับถ่ายได้
  • สำหรับผู้ที่เป็นไข้ ไม่ควร รับประทานดีปลี เพราะจะทำให้เป็นร้อนในด้วย
  • เกิดการอักเสบของเยื่อบุในระบบทางเดินอาหารจนเกิดเลือดออกได้
  • สตรีตั้งครรภ์ ห้ามบริโภคดีปลีเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้แท้งบุตรได้

     
    รูปแบบ / วิธีการใช้/ปริมาณที่ใช้ของดีปลี

  • อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้อง และแก้อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากธาตุ ผิดปกติ โดยใช้ผลดีปลีแก่แห้ง 1 กำมือ (ประมาณ 10-15 ผล) ต้มเอาน้ำ กิน ถ้าไม่มีผลใช้เถาต้มแทนได้
  • อาการไอ และขับเสมหะ ใช้ผลแห้งแก่ ประมาณครึ่งผล ฝนกับน้ำมะนาวแทรกเกลือเล็กน้อย กวาดคอ หรือจิบบ่อยๆ
  • ผลดีปลีแห้งใช้เป็นเครื่องเทศ ประกอบอาหาร มีรสเผ็ดร้อน ขม
  • ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยการใช้ดอกดีปลี 10 ดอก หัวแห้วหมู 10 หัว พริกไทย 10 เม็ด นำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งแท้ ใช้ ทานก่อนนอนทุกคืน (ดอก)
  • ช่วยแก้ไข้เรื้อรังหรืออาการไข้ที่มักเป็น ๆ หาย ๆ ด้วยการใช้ดอกดีปลีล้างสะอาด นำมาบดหรือตำพอหยาบ ๆ ประมาณครึ่งแก้ว นำมาต้มกับน้ำ 4 แก้ว จนเหลือ 1 แก้ว แล้วกรองเอาแต่น้ำมา กินขณะท้องว่างวันละ 2 ครั้ง และสูตรนี้ยังช่วยลดอาการม้ามโตได้อีกด้วย (ดอก)
  • ช่วยแก้อาการเจ็บในลำคอ ด้วยการใช้ดอกดีปลี 3 ดอก ผิวมะนาว 1 ลูก หัวกระเทียม 3 กลีบ และพริกไทยล่อน 3 เม็ด นำทั้งหมดมาตำให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำมะนาวและคลุกให้เข้ากัน นำมาปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดพุทรา แล้วใช้อมบ่อย ๆ (ดอก)
  • ช่วยลดอาการเสียงแหบแห้งได้ ด้วยการใช้ผงดีปลีผสมกับสมอไทยอย่างละ 5 กรัมจนเข้ากัน แล้วผสมกับน้ำอุ่นไว้ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 2 ครั้ง (ผล)
  • ช่วยแก้ริดสีดวงทวารหนัก โดยใช้ดอกดีปลี 10 ดอก เมล็ดงาดำดิบ 20 กรัม นำมาบดให้ละเอียดผสมกับนม ดื่มวันละ 1 แก้ว ติดต่อกัน 15 วัน (ผล, ดอก, เถา)

    ฤทธิ์ทางเภสัของดีปลี
    สารสำคัญ ในผลดีปลี คือ piperine เป็นสารที่มีผลต่อ    TRPV1 ซึ่งมีผลต่อการปวด๔ นอกจากนี้จากการ ค้นคว้าฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ชั้นเอทธานอลของดีปลียังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (anti-inflammatory)  ทั้งฤทธิ์ต้านการอักเสบเฉียบพลัน และฤทธิ์ต้านการ อักเสบกึ่งเรื้อรัง ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (anti-oxidant)
    มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา  ต้านการเกิดแผลที่กระเพาะอาหาร  ต้านออกซิเดชั่น กดประสาทส่วนกลาง เสริมฤทธิ์ยานอนหลับ ลดไขมันในเลือด ลดน้ำตาลในเลือด ต้านพิษต่อตับ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว

ออฟไลน์ parple1199

  • Flat TV member
  • *
  • กระทู้: 45
  • ?????????????????????
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์