RLS ขากระตุกระหว่างนอน อาการนอนไม่หลับ สามารถมีสาเหตุมาจากโรคอื่นๆที่ไม่ใช่โรคนอนไม่หลับเช่นกัน
เป็นเรื่องที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง การวินิฉัยโรคที่ไม่ถี่ถ้วน ทำให้อาจคิดได้ว่าเป็นเพียงโรคนอนไม่หลับ
ทำให้รักษาไม่ถูกต้อง และไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด โรคพวกนี้เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติ
ของนาฬิกาชีวภาพและโรค restless Leg Syndrome
โรคที่เกิดจากความผิดปกติของนาฬิกาชีวภาพ กลไกของนาฬิกาชีวภาพนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง
เป็นตัวควบคุมความหิว ความง่วง การหลั่งสารเคมีภายในร่างกาย หากนาฬิกาชีวภาพมีความผิดปกติ
ย่อมทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา รวมถึงปัญหาการนอนไม่หลับด้วยเช่นกัน
โรคที่เกิดจากความผิดปกติของนาฬิกาชีวภาพ Lovely Cream มีดังนี้
1.การนอนไม่หลับจากการทำงานเป็นกะ หรือที่แพทย์เฉพาะทางเรียกว่า
Shift Work Disorder มักพบในผู้ที่ทำงานไม่แน่นอน ทำงานไม่เป็นเวลา
เช่น การที่ต้องอยู่เวรเวลากลางคืนบ้าง กลางวันบ้าง ทำงานเป็นกะ และรวมไปถึง
ผู้ที่ทำงานกลางคืนเพียงอย่างเดียว สาเหตุของโรคนี้คือลักษณะของการทำงานที่ไม่ได้นอน
ในเวลาที่ควรนอน ขัดกับธรรมชาติ นาฬิกาชีวภาพจึงผิดเพี้ยนไปนั่นเอง เพราะปกติแล้ว
คนเราต้องนอนในเวลากลางคืนและจะตื่นตอนกลางวัน เมื่อเป็นเช่นนี้นานๆ จะทำให้นอนหลับยาก
โดยเฉพาะช่วงกลางวันนั้น มีสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการนอน เช่น อากาศร้อน เสียงดัง
จึงยิ่งทำให้นอนหลับยากขึ้น อาการของผู้ที่เป็นโรคนี้นอกจากจะนอนหลับยากแล้ว
ยังนอนหลับๆตื่นๆ หลับไม่สนิท และตื่นเร็วกว่าปกติ ทำให้ง่วงในเวลากลางวัน
ครีมเลิฟลี่และขาดสมาธิได้ บางครั้งเมื่อทำงานจะมีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
จึงทำให้มีความเสี่ยงต่ออันตรายขณะทำงานได้ ในรายงานของ American Sleep Association พบว่า
ผู้ที่ทำงานเป็นกะหรือต้องทำงานในเวลากลางคืนเป็นระยะเวลานานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป
จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคทางเดินอาหารและโรคมะเร็งมากกว่าคนทั่วไป
ที่ทำงานในช่วงเวลากลางวัน ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มอาชีพ
พยาบาล ตำรวจ ยาม นักร้อง
Lovely Cream นักแสดง เป็นต้น เมื่อเราไม่สามารถหลักเลี่ยงการทำให้
นาฬิกาชีวภาพผิดเพี้ยนได้ เนื่องด้วยหน้าที่การงานแล้ว จึงควรปฏิบัติตัวดังนี้
เครียด ทำงานดึก มีปัญหาการนอนหลับ ปวดหัว เครียด ไมเกรน นอนไม่หลับ
- ไม่ทำงานในกะกลางคืนติดต่อกันยาวนานเป็นเวลา 4 คืน และในแต่ละกะไม่ควรเกิน 12 ชั่วโมงต่อวัน
- การเปลี่ยนกะให้เปลี่ยนตามเข็มนาฬิกา คือเปลี่ยนจากกลางคืนเป็นเช้า จากช่วงเช้าเป็นบ่าย
- เมื่อเลิกกะช่วงกลางคืนแล้ว ให้พยายามสวมแว่นตากันแดด เพื่อลดการได้รับแสงกระทบต่อดวงตา
- ควรจัดห้องนอนให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การนอน เช่น ติดม่านป้องกันแสงแดดส่อง สงบเงียบ ไม่มีเสียงรบกวน
หากปฏิบัติตามนี้แล้ว อาการนอนไม่หลับยังไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อบรรเทาอาการ
ส่วนมากจะต้องพึ่งยานอนหลับ แต่หากต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจเกิดภาวะเสพติดยานอนหลับได้
เป็นไปได้ควรเปลี่ยนงานใหม่จะเป็นการแก้ปัญหานี้ได้ดีที่สุด
2.เกิดจากที่กลไกนาฬิกาชีวภาพเดินช้า (Delayed Sleep Phase Syndrome DSPS)
โรคนี้ทำให้ร่างกายหลั่งสารเมลาโทนิน เป็นสารที่มีผลต่อการนอนหลับช้าตามไปด้วย
คนเหล่านี้จึงเป็นประเภทที่นอนหลับยาก จะไม่รู้สึกง่วงจนกว่าจะดึกมากๆ เช่น ตี3 ตี4
หรือบางครั้งอาจะอยู่ได้ทั้งคืน แล้วมาง่วงในเวลารุ่งสาง ช่วงตี 5 เป็นต้น
แม้ว่าจะพยายามเข้านอนเร็วแล้ว ก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้
เช่น รู้สึกว่าอยากนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม
Lovely Cream แต่นอนอย่างไรก็ไม่หลับสักที
กว่าจะหลับได้ก็เวลาเดิมคือ ตี3 ตี4 แต่เมื่อหลับก็จะหลับสนิทดี ตื่นมาสดชื่น
ครีมเลิฟลี่บางรายอาจตื่นสายมากๆ ในวันหยุดก็มี ปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากว่าคนเราต้องตื่นเช้าเพื่อทำงาน
ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคนาฬิกาชีวภาพเดินช้าจึงรู้สึกง่วงนอน อ่อนเพลียในระหว่างวัน
ทำให้เกิดความเครียด ความกดดัน เพราะนอนไม่พอนั่นเอง
ความเครียดกับอาการนอนไม่หลับ โรคนี้มักเริ่มเกิดในช่วงวัยรุ่น
ครีมเลิฟลี่ โดยปกติแล้ว
วัยรุ่นจะมีนิสัยนอนดึกตื่นสายเป็นปกติ สังเกตได้ว่าเราเป็นโรคนาฬิกาชีวภาพเดินช้าหรือไม่นั้น
ถ้าเมื่อเราต้องการเข้านอนเร็วกว่าปกติก็จะสามารถหลับได้ แต่ถ้าเป็นโรคนี้
เมื่อนอนเร็วก็จะไม่สามารถข่มตาหลับได้นั่นเอง เมื่อไปพบแพทย์ก็จะได้ยานอนหลับเพื่อรักษา
แต่กลับไม่ค่อยได้ผลดีนักกับผู้ที่เป็นโรคนี้ ทั้งยังได้รับผลข้างเคียงจากการสะสมของยานอนหลับ
มีโอกาสติดยานอนหลับได้ง่าย การรักษาโรคนี้ยากสักหน่อย
ต้องใช้อุปกรณ์ที่ชื่อว่า Light Box แต่ยังไม่มีการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย
อุปกรณ์นี้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้รักษาโรคซึมเศร้า
ที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนฤดูกาล (Season Affective Disorder SAD)
ลูกหลับในเวลาเรียน โรคนอนไม่หลับ โรคนาฬิกาชีวภาพเดินช้า และโรคนาฬิกาชีวภาพเดินเร็ว
รวมถึงโรคผิวหนังบางชนิดได้อีกด้วย อุปกรณ์นี้จะทำงานโดยปล่อยแสงสีฟ้าที่มีคลื่นความถี่สูง
เพื่อปรับการทำงานของนาฬิกาชีวภาพ (Circadian) ต้องควบคุมการปล่อยแสงในปริมาณ
ขนาดและระยะเวลาที่เหมาะสม จึงไม่สามารถใช้ไฟบ้านทั่วไปทดแทนได้
การรักษาอีกวิธีหนึ่งคือ การเลื่อนเวลาในการนอนให้ช้าออกไป เพื่อปรับนาฬิกาชีวภาพ
ให้เข้าสู่ความสมดุล เช่น เลื่อนเวลาการนอนออกไปจากเดิมนอนตี2 เลื่อนเป็นตี5
จากตี5 เลื่อนเป็น 7 โมงเช้า เลื่อนออกไปเรื่อยๆ จนร่างกายสามารถปรับสมดุลได้พอดี
แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ เพื่อเลื่อนเวลาไม่ให้ช้าหรือเร็วเกินไป
ซึ่งผู้ป่วยต้องใช้ความอดทนสูงในการรักษาเช่นกัน
3. โรคนาฬิกาชีวภาพเดินเร็ว (Advanced Sleep Phase Syndrome ASPS)
เป็นโรคที่มีความตรงกันข้ามกับโรคนาฬิกาชีวภาพเดินช้า โดยโรคนี้ผู้ป่วยจะรู้สึกง่วงเร็วกว่าปกติ
บางคนอาจเริ่มง่วงตั้งแต่ 4-5 โมงเย็น แต่ยังไม่สามารถนอนได้เพราะยังมีหน้าที่การงานที่ต้องทำ
จึงจำต้องทนฝืนง่วงเอาไว้ นอกจากง่วงนอนเร็วแล้ว ยังตื่นนอนเร็วอีกด้วย
เช่น ตื่นตอนช่วงเวลาตี 1-2 แม้จะพยายามนอนต่อแต่ก็ไม่สามารถหลับได้
ทำให้ผู้ป่วยโรคนี้มีอาการง่วงนอน อ่อนเพลีย ไม่สดชื่นในช่วงกลางวัน
เช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคนาฬิกาชีวภาพเดินช้าเช่นกัน
ครีมเลิฟลี่ นาฬิกาชีวภาพ การรักษาโรคนี้ใช้อุปกรณ์แบบเดียวกันกับโรคนาฬิกาชีวภาพเดินช้า
คือ Light Box แต่จะมีข้อแตกต่างกันคือ จะเปลี่ยนมาให้แสงในช่วงเวลา 6 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม
เพื่อให้สมองเข้าใจว่ายังสว่างอยู่
Lovely Cream จะได้ไม่หลั่งสารเมลาโทนินออกมาทำให้ง่วงนอน
ส่วนวิธีการรักษาแบบเลื่อนเวลานอนนั้น จะเลื่อนให้เร็วขึ้นไป
เช่น จากนอน 3 ทุ่ม เป็นนอนเวลา 5 โมงเย็น แล้วเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ จาก 5 โมงเย็น เป็น 3 โมงเย็น
เพื่อปรับสมดุลให้เหมาะสม และต้องอยู่ในการควบคุมตลอดระยะเวลาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ข้อดีของโรคนี้คือ สามารถไปทำงานได้ตรงต่อเวลาหรือเร็วกว่าปกติ
แต่จะอ่อนเพลียในช่วงเวลาใกล้เลิกงาน อาจทำให้เกิดอันตรายขณะทำงานได้ จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
ความสัมพันธ์กับโรคอาร์แอลเอส (RLS)
โรคขาไม่อยู่นิ่ง Restless Leg Syndrome RLS โรคนี้มีชื่อว่า
Restless Leg Syndromeหรือแปลตรงตัวว่า โรคขาไม่อยู่นิ่ง ลักษณะคือ ผู้ป่วยจะรู้สึกประหลาดที่ขา
บางคนอาจจะเจ็บๆ คันๆ ที่ขา และจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อลุกขึ้นเดินหรือขยับไปมา
อาจเกิดขึ้นกับขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้างก็ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นทั้ง 2 ข้าง
บางรายอาจรู้สึกแปลกที่แขนหรือลำตัวด้วย โดยมักเกิดขึ้นขณะที่ต้องอยู่นิ่งๆ
เช่น นั่งรถ เรือ หรือขึ้นเครื่องบิน บางรายแม้เพียงระยะเวลาสั้นๆขณะนั่งดูโทรทัศน์
แค่ 5 นาทีก็เป็น เดิมที่โรคนี้ไม่เป็นที่รู้จัก จนกระทั่งเมื่อ 5 ปีก่อน
ได้มีบริษัทยาชื่อ Glacxo ได้ผลิตยาเพื่อรักษาโรคพาร์กินสันและโรค RLS
ครีมเลิฟลี่ จึงทำให้เริ่มมีคนสนใจและรู้จักโรคนี้กันมากขึ้น สาเหตุของโรคนี้นั้นยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้
เพียงแต่สันนิษฐานว่า RLS เป็นโรคทางพันธุกรรม มักจะพบในผู้ป่วยที่มีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคนี้อยู่แล้ว
รวมถึงกลุ่มที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้มีปริมาณธาตุเหล็กต่ำ
ผู้ป่วยโรคไต สตรีตั้งครรภ์และผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากยาบางประเภท โรคนี้ยังมีความสัมพันธ์กับ
โรคขากระตุก ลักษณะอาการของโรคนี้คือ เมื่อขณะหลับ
จะมีอาการขากระตุกขึ้นมา และ โรคพาร์กินสัน ดังนั้น
สะดุ้งตื่น นอนหลับไม่สนิทโรคนอนไม่หลับ ปวดขา เมื่อผู้ป่วยโรค RLS อายุมากขึ้น
ในบางรายอาจเป็นโรคพาร์กินสันร่วมด้วย อาการของโรค RLS จะดีขึ้น
Lovely Creamเมื่อผู้ป่วยลุกขึ้นจากเตียงหรือขยับร่างกาย บางรายต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำเพื่อช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
และพบว่า ผู้ป่วยบางรายมีอาการนอนไม่หลับมาเป็นสิบปี เพราะรู้สึกปวดและคันในขา
ทำให้ตื่นขึ้นมากลางดึก และไม่สามารถข่มตานอนต่อได้จนกว่าจะถึงตี 5 จนต้องลุกขึ้นมานวดขา
แต่ก็เป็นแค่การช่วยบรรเทาอาการเท่านั้น ไม่สามารถทำให้ความรู้สึกแปลกๆหายไปได้
ผู้ป่วยจึงมักทรมาน ไม่สามารถนอนนิ่งๆบนเตียงได้ โดยอาการเหล่านี้จะเริ่มจางหายไปเมื่อใกล้เช้า
ด้วยเหตุนี้ ผู้ป่วยโรค RLS จึงมักจะพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้อ่อนเพลีย ขาดสมาธิในการทำงาน
ถ้าสังเกตว่าตนเองมีลักษณะเข้าข่ายจะเป็นโรคนี้ ควรรีบไปพบแพทย์
เพราะโรคนี้สามารถรักษาได้และไม่ได้ใช้ยานอนหลับในการรักษา
ครีมเลิฟลี่จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเสพติดยานอนหลับ และที่สำคัญจะได้กลับมานอนหลับสบาย